Social Media

บทความ ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

13 กลยุทธ์สำหรับพิฆาตเซลส์แมนของบริษัทซัพพลายเออร์

การเจรจากับลูกค้าแบบดั้งเดิม ( Traditional Trade ) โดย ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

นักขายจะรับมืออย่างไร? ไม่ให้เกิดการเจรจาแบบ “OH NO” โดย ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เทคนิคการเจรจาให้ลูกค้า Say Yes! โดย ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการปิดการขายให้ได้ยอดสวยๆ : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

18 เทคนิคการขายที่ใช้ได้ดีกับลูกค้าทุกสถานการณ์ (ตอนที่ 3) : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

สุดยอดเคล็ดลับ การเจรจาต่อรองทางโทรศัพท์สำหรับนักขายมือโปร (ตอนที่ 2) : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

สุดยอดเคล็ดลับ การเจรจาต่อรองทางโทรศัพท์สำหรับนักขายมือโปร : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

18 เทคนิคการขายที่สามารถใช้กับลูกค้าในหลายรูปแบบ (ต่อ) : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

18 เทคนิคการขายที่ใช้ได้ดีกับลูกค้าทุกสถานการณ์ : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการเจรจาต่อรองแบบชนะสามฝ่าย(ต่อ) : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการเจรจาต่อรองแบบชนะสามฝ่าย(ต่อ) : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการเจรจาต่อรองแบบชนะสามฝ่าย (ตอนที่ 14-15) : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการเจรจาต่อรองแบบชนะสามฝ่าย (เคล็ดที่ 3) โดย ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการขายความคิด (ต่อ) : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการขายความคิด : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

สติปัญญาแห่งการรับฟัง : ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการเจรจาต่อรองแบบชนะสามฝ่าย (เคล็ดลับที่ 4) โดย ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา

เคล็ดลับการเจรจาต่อรองแบบชนะสามฝ่าย (เคล็ดลับที่ 5) โดย ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา
ผู้ชม
วันนี้ 132
เมื่อวาน 271
ทั้งหมด 911,175
ชมหน้าอื่นๆ
วันนี้ 133
เมื่อวาน 288
ทั้งหมด 1,167,946

การอบรมการตลาด คืออะไร


การอบรมการตลาด 
(Marketing Training) คือ กระบวนการพัฒนาความรู้, ทักษะ, และความสามารถของบุคคลหรือทีมงาน ให้เข้าใจหลักการและสามารถใช้เครื่องมือทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กร


ถ้าจะอธิบายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การอบรมการตลาดไม่ใช่แค่การมานั่งฟังเลคเชอร์ แต่เป็นกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อ "อัปเกรด" ความสามารถของนักการตลาดหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้


1. เป้าหมายหลักของการอบรม

  • เพิ่มความรู้ (Knowledge): สอนทฤษฎี, หลักการ, และแนวคิดทางการตลาดที่ทันสมัย ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง
  • พัฒนาทักษะ (Skills): สอนวิธีการลงมือทำจริง เช่น การใช้เครื่องมือดิจิทัล, การเขียนโฆษณา, การวิเคราะห์ข้อมูล, การวางแผนแคมเปญ
  • ปรับทัศนคติ (Mindset): สร้างกรอบความคิดที่ถูกต้อง เช่น การมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric), การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล (Data-Driven), และการพร้อมที่จะทดลองและเรียนรู้จากความผิดพลาด

2. ครอบคลุมเนื้อหาอะไรบ้าง

เนื้อหาของการอบรมการตลาดมีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับหลักสูตร แต่โดยทั่วไปจะครอบคลุมหัวข้อเหล่านี้

  • พื้นฐานการตลาด (Marketing Fundamentals):
    • ส่วนประสมทางการตลาด (4Ps, 7Ps)
    • การวิเคราะห์ SWOT (จุดแข็ง, จุดอ่อน, โอกาส, อุปสรรค)
    • การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) และการสร้างบุคลิกของลูกค้า (Customer Persona)
  • การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) - หัวใจสำคัญในยุคนี้:
    • SEO (Search Engine Optimization): การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ บน Google
    • SEM (Search Engine Marketing): การซื้อโฆษณาบน Google (Google Ads)
    • Social Media Marketing: การตลาดผ่าน Facebook, Instagram, TikTok, LINE, LinkedIn
    • Content Marketing: การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า (บทความ, วิดีโอ, Infographic) เพื่อดึงดูดลูกค้า
    • Email Marketing: การตลาดผ่านอีเมลเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า
    • Influencer Marketing: การทำงานร่วมกับผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์
  • กลยุทธ์และการวางแผน (Strategy & Planning):
    • การวางแผนกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy)
    • การทำความเข้าใจเส้นทางของลูกค้า (Customer Journey Mapping)
    • การวางแผนงบประมาณและการวัดผล (Budgeting & ROI Measurement)
  • การวิเคราะห์และเครื่องมือ (Analytics & Tools):
    • การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics, Facebook Analytics
    • การอ่านและตีความข้อมูลเพื่อนำไปปรับปรุงแคมเปญ
  • ทักษะเฉพาะทาง (Specific Skills):
    • การเขียนคำโฆษณา (Copywriting)
    • การเล่าเรื่อง (Storytelling)
    • การออกแบบกราฟิกเบื้องต้นสำหรับการตลาด

3. การอบรมการตลาดเหมาะกับใคร

การอบรมการตลาดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ "นักการตลาด" เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับ:

  • เจ้าของธุรกิจ / ผู้ประกอบการ: ที่ต้องดูแลการตลาดด้วยตัวเอง
  • ฝ่ายขาย: เพื่อให้เข้าใจกลยุทธ์การตลาดและทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น
  • ผู้บริหาร: เพื่อให้เข้าใจภาพรวมและตัดสินใจลงทุนด้านการตลาดได้อย่างถูกต้อง
  • นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจเปลี่ยนสายงาน: เพื่อสร้างพื้นฐานและความพร้อมในการเข้าสู่สายงานการตลาด

4. รูปแบบของการอบรม

มีหลายรูปแบบให้เลือกตามความสะดวกและความต้องการ:

  • อบรมสาธารณะ (Public Training): เปิดให้คนจากหลายๆ บริษัทเข้าร่วม เหมาะกับการสร้างเครือข่าย
  • อบรมภายในองค์กร (In-house Training): จัดอบรมเฉพาะสำหรับพนักงานในบริษัท เนื้อหาสามารถปรับให้เข้ากับธุรกิจได้โดยตรง
  • คอร์สออนไลน์ (Online Courses): เรียนผ่านวิดีโอ สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
  • เวิร์กช็อป (Workshop): เน้นการลงมือทำจริง ได้ปฏิบัติและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

สรุป
การอบรมการตลาด คือ "ทางลัด" ในการติดอาวุธความรู้และทักษะใหม่ๆ ให้กับทีมงาน เพื่อให้สามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่ทรงพลัง วัดผลได้ และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในโลกที่มีการแข่งขันสูง

10 ข้อดีของการอบรมการตลาด (Marketing Training)

การอบรมการตลาดไม่ใช่แค่การเรียนรู้ทฤษฎี แต่คือการลงทุนที่ส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของทั้งบุคคลและองค์กร นี่คือข้อดี 10 ประการ

1. อัปเดตความรู้และก้าวทันเทรนด์ล่าสุด (Up-to-Date Knowledge & Trends)

  • รายละเอียด: โลกการตลาดเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเฉพาะการตลาดดิจิทัลที่มีแพลตฟอร์ม, อัลกอริทึม, และพฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา การอบรมการตลาดจะช่วยให้คุณและทีมงานได้เรียนรู้เทคนิค, กลยุทธ์, และเทรนด์ที่สดใหม่ที่สุด เช่น การตลาดผ่าน TikTok, การใช้ AI สร้างคอนเทนต์, หรือเทรนด์การตลาดที่เน้นความยั่งยืน (Sustainability Marketing)

  • ผลลัพธ์: ทำให้แบรนด์ของคุณไม่ตกยุค สามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากช่องทางใหม่ๆ ได้ก่อนคู่แข่ง สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

2. พัฒนาทักษะการใช้เครื่องมือทางการตลาดดิจิทัล (Mastering Digital Marketing Tools)

  • รายละเอียด: ปัจจุบันการตลาดต้องพึ่งพาเครื่องมือมากมาย การอบรมจะสอนวิธีการใช้งานเครื่องมือเหล่านี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง เช่น

    • Google Ads & Analytics: การตั้งค่าแคมเปญโฆษณาที่ซับซ้อน และการอ่านข้อมูลวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแคมเปญ

    • SEO Tools (e.g., SEMrush, Ahrefs): การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด, การตรวจสอบเว็บไซต์คู่แข่ง, และการทำ Backlink

    • Social Media Management Tools (e.g., Hootsuite, Buffer): การตั้งเวลาโพสต์, การวิเคราะห์ผล, และการจัดการหลายบัญชีในที่เดียว

  • ผลลัพธ์: ทีมงานสามารถทำงานได้เร็วขึ้น, วัดผลได้แม่นยำ, และใช้งบประมาณโฆษณาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

3. เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก (Deep Customer Insight)

  • รายละเอียด: การตลาดที่ดีเริ่มต้นจากการเข้าใจลูกค้าอย่างถ่องแท้ การอบรมการตลาดจะสอนวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Data Analysis), การสร้าง Customer Persona (บุคลิกจำลองของลูกค้า), และการทำความเข้าใจ Customer Journey (เส้นทางการตัดสินใจซื้อของลูกค้า) ในยุคดิจิทัล

  • ผลลัพธ์: สามารถสร้างสาร (Message) และคอนเทนต์ที่ "โดนใจ" กลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจพวกเขาจริงๆ ซึ่งนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)

4. สามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Strategic Planning)

  • รายละเอียด: การตลาดที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่การทำไปวันๆ แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน การอบรมการตลาดจะสอนกระบวนการวางแผนตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การวิเคราะห์ SWOT (จุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรค), การกำหนดเป้าหมาย (KPIs), การเลือกช่องทางที่เหมาะสม, ไปจนถึงการจัดสรรงบประมาณ

  • ผลลัพธ์: ทำให้การทำการตลาดมีทิศทางที่ชัดเจน ทุกแคมเปญถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองเป้าหมายทางธุรกิจ ลดการทำงานที่สูญเปล่าและไร้ทิศทาง

5. เพิ่มทักษะการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดึงดูดใจ (Enhanced Content Creation Skills)

  • รายละเอียด: "Content is King" ยังคงเป็นจริงเสมอ การอบรมการตลาดจะช่วยพัฒนาทักษะการสร้างคอนเทนต์ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน Copywriting ที่ทรงพลัง, การทำ Storytelling ผ่านวิดีโอ, การออกแบบ Infographic ที่เข้าใจง่าย หรือการทำ Live Streaming ให้น่าสนใจ

  • ผลลัพธ์: ได้คอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง สามารถดึงดูดความสนใจ, สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement), และโน้มน้าวให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น

6. เรียนรู้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น (Data-Driven Decision Making)

  • รายละเอียด: การตลาดสมัยใหม่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing) การอบรมการตลาดจะสอนวิธีอ่านและตีความข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น Social Media Insights, Google Analytics, หรือรายงานยอดขาย เพื่อนำมาใช้ตัดสินใจทางกลยุทธ์ ไม่ใช่การตัดสินใจจากความรู้สึก

  • ผลลัพธ์: ลดความเสี่ยงในการตัดสินใจผิดพลาด สามารถปรับเปลี่ยนแคมเปญได้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้า และค้นพบโอกาสใหม่ๆ ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล

7. เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)

  • รายละเอียด: ข้อนี้เป็นผลพวงโดยตรงจากข้ออื่นๆ เมื่อทีมการตลาดมีทักษะและความรู้ที่เฉียบคมขึ้น พวกเขาสามารถสร้างแคมเปญที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น, ใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ, และเปลี่ยนผู้สนใจให้กลายเป็นลูกค้าได้มากขึ้น

  • ผลลัพธ์: เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment - ROI) ในงบการตลาดได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริหารเห็นคุณค่าและความสำคัญของฝ่ายการตลาด

8. สร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ (Inspiration and Creativity Boost)

  • รายละเอียด: การทำงานเดิมๆ ทุกวันอาจทำให้หมดไฟ (Burnout) และความคิดตีบตัน การได้ออกไปอบรม, ฟังเรื่องราวความสำเร็จ (Case Study) จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ, และเห็นมุมมองใหม่ๆ จะช่วยจุดประกายไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ให้ทีมงาน

  • ผลลัพธ์: ทีมงานมีพลังใจกลับมาทำงาน พร้อมด้วยไอเดียใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์แคมเปญที่แตกต่างและน่าตื่นเต้นกว่าเดิม

9. สร้างมาตรฐานการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งทีม (Standardized Team Workflow)

  • รายละเอียด: หากส่งทีมงานไปอบรมในหลักสูตรเดียวกัน ทุกคนจะได้รับความรู้, คำศัพท์, และกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้การสื่อสารภายในทีมราบรื่นขึ้น ลดความเข้าใจผิด และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ผลลัพธ์: ทีมเวิร์คดีขึ้น ลดความขัดแย้งในการทำงาน และสามารถส่งมอบงานที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ

10. สร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (Networking and Experience Sharing)

  • รายละเอียด: การอบรมเป็นโอกาสที่ดีในการพบปะกับนักการตลาดจากบริษัทหรืออุตสาหกรรมอื่นๆ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์, ปัญหา, และแนวทางแก้ไขซึ่งกันและกัน ถือเป็นความรู้ที่หาไม่ได้จากในตำรา

  • ผลลัพธ์: ได้คอนเนคชั่นที่อาจนำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของผู้อื่น และได้มุมมองที่กว้างขึ้นนอกเหนือจากองค์กรของตัวเอง

สรุป: การอบรมการตลาดคือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนรอบด้าน ไม่เพียงแต่เพิ่มทักษะและความสามารถของพนักงาน แต่ยังช่วยยกระดับกลยุทธ์, เพิ่มยอดขาย, และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กรในระยะยาว

www.VichaiSalesAcademy.com
โรงเรียน อบรมการขาย อบรมการตลาด อบรมการเจรจาต่อรอง อบรมการขายและการบริการ เราเป็นโรงเรียนนักขายแห่งแรกของประเทศไทย สอนหลักสูตรนักขายมีการอบรมการขาย อบรมการตลาด อบรมการเจรจาต่อรอง อบรมการขายและการบริการ โดยวิทยากรที่มีประสบการณ์ มากกว่า 30 ปีและเป็นที่ปรึกษาบริษัทชั้นนำของประเทศไทยมากมาย บริการฝึกอบรมวิชาการขาย อบรมนักขาย อบรมการขายและการบริการ ฝึกอบรมนักขาย อบรมการตลาด ฝึกอบรมนักการตลาด อบรมการเจรจาต่อรอง บริการจัดหาทีมขายและการตลาด หลักสูตรฝึกอบรมการขาย หลักสูตรนักขาย หลักสูตรฝึกอบรมการตลาด Workshop Training หลักสูตรฝึกอบรมการตลาด
อบรมการขายอบรมการตลาดอบรมการเจรจาต่อรอง, รับอบรมการขาย, รับอบรมการตลาด, รับอบรมการเจรจาต่อรอง, บริการอบรมการขาย, บริการอบรมการตลาด, บริการอบรมการเจรจาต่อรอง, สอนอบรมการขาย, สอนอบรมการตลาด, สอนอบรมการเจรจาต่อรอง, โรงเรียนอบรมการขาย, โรงเรียนอบรมการตลาด, โรงเรียนอบรมการเจรจาต่อรองหลักสูตรอบรมการขายหลักสูตรอบรมการตลาดหลักสูตรอบรมการเจรจาต่อรอง, เปิดอบรมการขาย, เปิดอบรมการตลาด, เปิดอบรมการเจรจาต่อรองอบรมการขายสำหรับนักขาย, อบรมการตลาดสำหรับนักการตลาด, อบรมการเจรจาต่อรองสำหรับนักขาย, ให้บริการอบรมการขาย, ให้บริการอบรมการตลาด, ให้บริการอบรมการเจรจาต่อรอง, ทีมอบรมการขาย, ทีมอบรมการตลาด, ทีมอบรมการเจรจาต่อรอง,  เป็นที่ปรึกษาการขาย, เป็นที่ปรึกษาการตลาด, เป็นที่ปรึกษาการบริหาร, เป็นที่ปรึกษาการสื่อสารและการเจรจาต่อรอง, เป็นที่ปรึกษาให้กับทีมการขายและการตลาด, เป็นที่ปรึกษาให้กับผู้บริหาร, เป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าของธุรกิจ, อาจารย์วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา, ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนาSales Consultant, Sales Coach, Marketing Consultant, Marketing Coach, Management Consultant, Communication & Negotiation Consultant, Communication & Negotiation Coach, Executive Coach, Business Owner Coach, Entrepreneur Coach
เว็บสำเร็จรูป
×