|
|
|
|
|
|
|
|
|
ผู้ชม
|
|
วันนี้
|
24
|
เมื่อวาน
|
271
|
ทั้งหมด
|
911,067
|
|
|
ชมหน้าอื่นๆ
|
|
วันนี้
|
25
|
เมื่อวาน
|
288
|
ทั้งหมด
|
1,167,838
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
การบริหารค่าตอบแทนในการขาย (Sales Compensation Management) คืออะไร?
การบริหารค่าตอบแทนในการขาย (Sales Compensation Management) คือ กระบวนการวางแผน, ออกแบบ, และบริหารจัดการโครงสร้างค่าตอบแทนทั้งหมดสำหรับพนักงานขาย เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กร และในขณะเดียวกันก็สามารถ สร้างแรงจูงใจ, ดึงดูด, และรักษา พนักงานขายที่มีคุณภาพไว้ได้ ค่าตอบแทนในการขายไม่ได้หมายถึงแค่ "เงินเดือน" แต่เป็นส่วนผสมขององค์ประกอบต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมที่บริษัทต้องการ โดยทั่วไปจะประกอบด้วย: - เงินเดือนพื้นฐาน (Base Salary): รายได้ที่แน่นอนที่พนักงานขายจะได้รับในแต่ละเดือน ให้ความมั่นคงทางการเงิน
- ค่าคอมมิชชัน (Commission): ส่วนแบ่งที่พนักงานขายได้รับตามเปอร์เซ็นต์ของยอดขายที่ทำได้ เป็นการให้รางวัลตามผลงานโดยตรง
- โบนัส (Bonus): เงินรางวัลที่จ่ายเมื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายรายบุคคล, เป้าหมายทีม, หรือเป้าหมายของบริษัท (เช่น โบนัสเมื่อขายสินค้าใหม่ได้ตามเป้า, โบนัสเมื่อทำยอดขายรวมได้เกินเป้าไตรมาส)
- สวัสดิการและรางวัลอื่นๆ (Benefits and Non-cash Rewards): เช่น ประกันสุขภาพ, รถประจำตำแหน่ง, ค่าเดินทาง, การแข่งขันการขายที่มีรางวัลเป็นทริปท่องเที่ยว, หรือการประกาศเกียรติคุณ
หัวใจสำคัญคือการ "ออกแบบส่วนผสม" (Mix) ขององค์ประกอบเหล่านี้ให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ของบริษัท เช่น - บริษัทที่เน้นการหาลูกค้าใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง: อาจให้ ค่าคอมมิชชันสูง แต่เงินเดือนพื้นฐานไม่สูงมาก เพื่อดึงดูดนักขายสายลุยที่มั่นใจในฝีมือ
- บริษัทที่ขายสินค้าราคาแพงและใช้เวลาปิดการขายนาน: อาจให้ เงินเดือนพื้นฐานสูง และมีโบนัสก้อนใหญ่เมื่อปิดดีลได้ เพื่อให้พนักงานมีความมั่นคงระหว่างกระบวนการขายที่ยาวนาน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
10 ข้อดีของการบริหารค่าตอบแทนในการขายอย่างมีประสิทธิภาพ - สร้างแรงจูงใจและขับเคลื่อนผลงาน (Motivates and Drives Performance)
นี่คือข้อดีหลัก แผนค่าตอบแทนที่ดีจะเชื่อมโยงความพยายามของพนักงานขายเข้ากับผลตอบแทนโดยตรง ทำให้พวกเขามีแรงผลักดันที่จะทำงานให้หนักขึ้นและบรรลุเป้าหมายเพื่อรายได้ที่สูงขึ้น
- ชี้นำพฤติกรรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายบริษัท (Aligns Behavior with Company Goals)
บริษัทสามารถออกแบบแผนค่าตอบแทนเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมที่ต้องการได้ เช่น หากต้องการเน้นการขายสินค้ากำไรสูง ก็สามารถตั้งค่าคอมมิชชันสำหรับสินค้ากลุ่มนั้นให้สูงกว่าสินค้าอื่น เพื่อจูงใจให้พนักงานขายหันมาโฟกัสสินค้านั้นมากขึ้น
- ดึงดูดและรักษาพนักงานขายที่มีความสามารถ (Attracts and Retains Top Talent)
แผนค่าตอบแทนที่น่าสนใจและแข่งขันได้ในตลาด เป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูด "ดาวเด่น" ในวงการขายให้เข้ามาร่วมงาน และป้องกันไม่ให้พนักงานขายมือดีของบริษัทถูกคู่แข่งซื้อตัวไป
- เพิ่มยอดขายและรายได้ให้กับองค์กร (Increases Sales and Revenue)
เมื่อพนักงานขายมีแรงจูงใจที่จะขายมากขึ้น ผลลัพธ์โดยตรงที่ตามมาก็คือยอดขายและรายได้ของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
- สร้างวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นผลงาน (Fosters a Performance-Driven Culture)
ระบบที่ให้รางวัลตามผลงานอย่างชัดเจนจะช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนมุ่งมั่นที่จะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและวัดผลได้
- ควบคุมต้นทุนการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Provides Effective Sales Cost Control)
การจ่ายค่าตอบแทนแบบผันแปร (เช่น ค่าคอมมิชชัน) หมายความว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นเมื่อมียอดขายเข้ามา ซึ่งสอดคล้องกับรายรับของบริษัท ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างยืดหยุ่นกว่าการจ่ายเงินเดือนคงที่ในอัตราสูงเพียงอย่างเดียว
- เพิ่มความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Improves Employee Satisfaction and Engagement)
พนักงานขายที่รู้สึกว่าพวกเขาได้รับผลตอบแทนที่ยุติธรรมและคุ้มค่ากับความพยายาม จะมีความพึงพอใจในงานและผูกพันกับองค์กรมากขึ้น
- ให้ความชัดเจนและโปร่งใส (Provides Clarity and Transparency)
แผนค่าตอบแทนที่ดีจะมีความชัดเจน เข้าใจง่าย ทำให้พนักงานขายรู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ต้องการ ซึ่งช่วยลดความสับสนและสร้างความเชื่อมั่นในระบบ
- สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามกลยุทธ์ของบริษัท (Adaptable to Business Strategy)
องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนแผนค่าตอบแทนให้เข้ากับสถานการณ์และกลยุทธ์ที่เปลี่ยนไปได้ เช่น ในช่วงที่ต้องการเปิดตลาดใหม่ อาจเพิ่มโบนัสพิเศษสำหรับการหาลูกค้ารายแรกในพื้นที่นั้นๆ
- ลดอัตราการลาออกของพนักงาน (Reduces Employee Turnover)
เมื่อพนักงานขายมีความสุขกับรายได้และรู้สึกว่าองค์กรให้คุณค่ากับผลงานของพวกเขา อัตราการลาออกก็จะลดลง ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ได้มหาศาล
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
www.VichaiSalesAcademy.com
|
|
|
|
อบรมการขาย, อบรมการตลาด, อบรมการเจรจาต่อรอง, รับอบรมการขาย, รับอบรมการตลาด, รับอบรมการเจรจาต่อรอง, บริการอบรมการขาย, บริการอบรมการตลาด, บริการอบรมการเจรจาต่อรอง, สอนอบรมการขาย, สอนอบรมการตลาด, สอนอบรมการเจรจาต่อรอง, โรงเรียนอบรมการขาย, โรงเรียนอบรมการตลาด, โรงเรียนอบรมการเจรจาต่อรอง, หลักสูตรอบรมการขาย, หลักสูตรอบรมการตลาด, หลักสูตรอบรมการเจรจาต่อรอง, เปิดอบรมการขาย, เปิดอบรมการตลาด, เปิดอบรมการเจรจาต่อรอง, อบรมการขายสำหรับนักขาย, อบรมการตลาดสำหรับนักการตลาด, อบรมการเจรจาต่อรองสำหรับนักขาย, ให้บริการอบรมการขาย, ให้บริการอบรมการตลาด, ให้บริการอบรมการเจรจาต่อรอง, ทีมอบรมการขาย, ทีมอบรมการตลาด, ทีมอบรมการเจรจาต่อรอง, เป็นที่ปรึกษาการขาย, เป็นที่ปรึกษาการตลาด, เป็นที่ปรึกษาการบริหาร, เป็นที่ปรึกษาการสื่อสารและการเจรจาต่อรอง, เป็นที่ปรึกษาให้กับทีมการขายและการตลาด, เป็นที่ปรึกษาให้กับผู้บริหาร, เป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าของธุรกิจ, อาจารย์วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา, ดร.วิชัย ว่องศิลป์วัฒนา, Sales Consultant, Sales Coach, Marketing Consultant, Marketing Coach, Management Consultant, Communication & Negotiation Consultant, Communication & Negotiation Coach, Executive Coach, Business Owner Coach, Entrepreneur Coach
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
 |
|